ใบรายงานผลการวิเคราะห์คุณภาพเพชร จะแสดงผลการวิเคราะห์และจัดระดับคุณภาพ รวมถึงรายละเอียดต่างๆ ของเพชรไว้อย่างครบถ้วนสามารถช่วยให้คุณรู้ถึงข้อมูลที่แท้จริงของคุณลักษณะ และข้อแตกต่างของเพชรแต่ละเม็ด ได้อย่างละเอียด ชัดเจนและถูกต้องตามหลักเกณฑ์สากลภายใต้มาตรฐานเดียวกันทั่วโลก ตัวอย่างสถาบันอัญมณี ที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากลว่ามีความเที่ยงตรงและน่าเชื่อถือในการจัดระดับคุณลักษณะของเพชรได้แก่ GIA (Gemological Institute of America) และ HRD (The Diamond High Council)
จากรูป : เป็นตัวอย่างใบรับรองคุณภาพของเพชรที่ออกโดยสถาบัน GIA (GIA : Gemological Institute of America)
หมายเลข 1 Laser Inscription Registry เป็นหมายเลขของใบรับรองเพชรเม็ดนั้นๆ ที่แสดงไว้ที่ขอบเพชรโดยการยิง Laser และออกโดยนักอัญมณีศาสตร์จากสถาบัน GIA หมายเลข 2 Shape and cutting style บอกถึงรูปทรงของเพชรเม็ดนั้นๆ Round Brilliant(เพชรทรงกลม เหลี่ยมเกสร) Square (เพชรทรงสี่เหลี่ยม) Oval (เพชรทรงไข่) Pear (เพชรทรงหยดน้ำ) Marquise (เพชรทรงเม็ดข้าว) หมายเลข 3 Measurement บอกถึงขนาดของเม็ด ความกว้างxความยาวxความสูง สำหรับเพชรทรงกลมเหลี่ยมเกสรก็แสดง (ความกว้างเส้นผ่านศูนย์กลางต่ำสุด-ความกว้างเส้นผ่านศูนย์กลางสูงสุด) x ความลึก (จากรูป เพชรกลมเม็ดนี้มีขนาด ความกว้างเส้นผ่านศูนย์กลางต่ำสุด 6.32 มม. กว้างสูงสุด 6.36 มม. และมีความความลึก 3.98 มม.) สำหรับเพชรกลม ความแตกต่างระหว่างความกว้างสูงสุดและต่ำสุด ยิ่งน้อย จะยิ่งกลม และยิ่งดี สำหรับเพชรกลมเม็ดเล็กขนาด 30-50 สตางค์ ความแตกต่างไม่ควรเกิน 0.05 มม. สำหรับเพชรขนาดใหญ่กว่า 50 สตางค์ขึ้นไป ความแตกต่างไม่ควรเกิน 0.10 มม. ค่า Measurement นี้สามารถใช้คำนวณหาค่า Total Depth (%ความลึก) ได้โดยใช้สูตร Total Depth =(ความลึก/ความกว้างเฉลี่ย)*100 (จากรูป Total Depth =_ 3.98*100___ (6.32+6.36)/2
= 62.8%) หมายเลข 4 Carat Weight บอกถึงน้ำหนักของเพชร โดย 1 กะรัตมี 100 สตางค์ (หน่วย:กะรัต) จากรูป เพชรกลมเม็ดนี้มีน้ำหนัก 1 กะรัต หรือ 100 สตางค์พอดี หมายเลข 5 Color Grade บอกถึงระดับสีของเพชรเม็ดนั้นๆ โดยเริ่มจาก D=สีน้ำ100%, E=สีน้ำ99%, F=สีน้ำ98%,G=สีน้ำ97%,.... ตัวเลขแสดงระดับสีเพชรยิ่งสูง เพชรจะยิ่งขาว หมายเลข 6 Clarity Grade บอกถึงความสะอาดเพชร โดยเริ่มจาก IF, VVS1, VVS2, VS1, VS2, SI1-3, I1-3 การเลือกซื้อเพชร แนะนำให้เลือกเพชรที่มีความสะอาดตั้งแต่ VS2 ขึ้นไป เพราะตำหนิจะมีขนาดเล็กมาก ไม่ค่อยมีผลต่อความสวยงามของเพชร สำหรับความสะอาดระดับต่ำกว่านั้น เช่น SI ตำหนิจะมีขนาดค่อนข้างใหญ่ และบางครั้งจะไม่ผลต่อการเดินทางของแสงและความสวยงามของประกายของเพชรได้ หมายเลข 7 Cut Grade บอกถึงคุณภาพในการเจียรไนโดยรวมของเพชรเม็ดนั้นๆ การเลือกซื้อเพชร แนะนำให้เลือกเพชรที่มีคุณภาพ Excellent(ดีเลิศ) หรือ Very Good เพราะเพชรที่ได้จะมีการเจียรไนที่สวย มีความแวววาว ประกายของเพชร และการเล่นไฟที่สวยงาม แต่สำหรับท่านที่ต้องการประหยัดงบประมาณในการสั่งทำเครื่องประดับ อาจเลือกเป็น Good ก็ได้แต่ควรหลีกเลี่ยง เกรด Fair, Poor หมายเลข 8 Polish บอกถึงคุณภาพการขัดเงาที่ผิวเพชร เพชรที่มีการขัดเงาที่ดีจะมีความแวววาว สวยงาม สำหรับเพชรที่คุณภาพการขัดเงาไม่ดีนัก บางครั้งเราจะเห็นเหมือนเป็นลาย (Polish Line) ซึ่งเกิดจากการขัดที่ผิวเพชร การเลือกซื้อเพชร แนะนำให้เลือกเพชรที่มีคุณภาพการขัดเงา Excellent(ดีเลิศ), Very Good หรืออย่างน้อยก็ไม่ควรต่ำกว่า Good หมายเลข 9 Symmetry บอกถึงความสมมาตรของเพชรเม็ดนั้นๆ เพชรที่มีคุณภาพดี ย่อมเป็นเพชรที่มีความสมมาตรในตัวมันเอง เพชรที่มีความสมมาตรที่ดี ด้านซ้ายและด้านขวาของเพชร จะมีขนาดเหลี่ยมต่างๆใกล้เคียงกัน การเลือกซื้อเพชร แนะนำให้เลือกเพชรที่มีความสมมาตรระดับ Excellent(ดีเลิศ), Very Good หรืออย่างน้อยก็ไม่ควรต่ำกว่า Good หมายเลข 10 Fluorescence บอกถึงการเรืองแสงของเพชรเมื่ออยู่ภายใต้แสงอัลตราไวโอเล็ท (Ultra Violet) ซึ่งเกิดจากก๊าซของธาตุชนิดอื่นๆ ที่แทรกตัวอยู่ในเนื้อเพชร โดยจัดระดับความเข้มข้นออกเป็นNone, Faint, Medium, Strong และ Very strong ความเข้มข้นของ fluorescence ในระดับ faint ขึ้นไปจะเป็นข้อด้อยสำหรับเพชรสีน้ำ 96-100% สำหรับเพชรเม็ดเล็ก ฟลูออเรสเซนต์ ปานกลางถึงเข้ม จะทำให้เพชรดูขาวกว่าความเป็นจริง แต่สำหรับเพชรเม็ดใหญ่ ฟลูออเรสเซนต์ ปานกลางถึงเข้ม จะทำให้เพชรดูฝ้าและหมอง การเลือกซื้อเพชร ควรเลือกซื้อเพชรที่ ไม่มีฟลูออเรสเซน (None) หรือมีเพียงจางๆ (faint, Slight)
หมายเลข 11 Total Depth บอกถึงสัดส่วนความลึกต่อความกว้างเฉลี่ยของเพชร %ความลึกที่สวยงามในอุดมคติ (Ideal cut) อยู่ระหว่าง 58-62.3% (จากรูป62.8%) เพชรที่ลึกหรือหนาเกินไปจะทำให้หน้าเพชรมืด หรือที่เรียกว่า nail head ส่วนเพชรที่บางเกินไปจะทำให้เห็นเงาสะท้อนของขอบเพชรที่หน้าเพชร ซึ่งถ้าขอบเพชรเป็นแบบ beard-girdle (ขอบขุ่น) จะทำให้เกิด fish eye ขึ้น หมายเลข 12 Table Size บอกถึงขนาดของเหลี่ยมที่ใหญ่ที่สุด เป็นแปดเหลี่ยมอยู่กลางหน้าเพชร ขนาด table ที่สวยงามในอุดมคติ (Ideal cut) อยู่ระหว่าง 52-60% (จากรูป56%) หมายเลข 13 Crown Angle บอกถึงองศาของมุมคราวน์ตามเหลี่ยมเพชร องศาที่สวยงามในอุดมคติ (Ideal cut) อยู่ระหว่าง 33-35.1 องศา (จากรูป35.5องศา) หมายเลข 14 Crown Height บอกถึงขนาดครึ่งบนของเพชรเมื่อมองจากด้านข้าง เทียบกับความกว้างเฉลี่ยของเพชร ความสูงของคราวน์ที่สวยงามในอุดมคติ (Ideal cut) อยู่ระหว่าง 13.5-16.8% (จากรูป15.5%) หมายเลข 15 Pavillion Angle โดยส่วนมากที่เห็น จะอยู่ระหว่าง 40.5-41.5 องศา (จากรูป40.6องศา) หมายเลข 16 Pavillion Depth บอกถึงขนาดครึ่งล่างของเพชรเมื่อมองจากด้านข้าง เทียบกับความกว้างเฉลี่ยของเพชร ความลึกของพาวิลเลี่ยนตามเหลี่ยมที่สวยงามในอุดมคติ (Ideal cut) อยู่ระหว่าง 42.5-43.5% (จากรูป43%) หมายเลข 17 Girdle เพชรที่มีคุณภาพที่ดี มักมีขอบเพชรอยู่ระหว่าง Thin-Medium-Slightly Thick (บาง-กลาง-หนาเล็กน้อย) (จากรูป Medium - Slightly Thick, 4%) ควรหลีกเลี่ยงเพชรที่มีขอบบางมาก (Very thin) เพราะขอบเพชรจะเปราะและบิ่นได้ง่าย และควรหลีกเหลี่ยงเพชรที่มีขอบหนา (thick-very thick) เพราะแสงจะลอดออกทางขอบเพชร ความสวยงามของเพชรจะลดลง หมายเลข 18 Culet บอกถึงเหลี่ยมที่ส่วนล่างสุดของเพชร (จากรูป None) ควรเลือกเพชรที่ไม่มีเหลี่ยมculet (None), เป็นจุด (Pointed) หรือมีเล็กๆ (Small) ควรหลีกเลี่ยงเพชรที่มี Culet ตั้งแต่ขนาด Medium ขึ้นไป เพราะเวลามองเพชรจากด้านหน้าจะเห็นเหลี่ยมนี้ เหมือนมีรูกลมๆตรงกลางเพชร หมายเลข 19 Key to Symbol บอกถึงลักษณะของตำหนิภายใน และภายนอกเพชร เช่น Feather (ขนนก) Chip (รอยบิ่น) Crystal (ผลึก) Pinpoint (รูเข็ม) Cloud (กลุ่มของรูเข็ม คล้ายเมฆ) Natural (ร่องรอยการเจริญเติบโตของเพชร ที่ใช้ยืนยันได้ว่าเป็นเพชรแท้) เป็นต้น
|